



ไอโอดีนคืออะไร
ไอโอดีน เป็นธาตุเคมีที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติแต่มีการกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอและมีมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสาน พบปริมาณไอโอดีนในธรรมชาติน้อยกว่าภาคกลาง ส่วนใหญ่พบมากในดินและน้ำแถบที่ราบ ลุ่มปากแม่น้ำ ชายทะเล และทะเล อาหารที่มีปริมาณไอโอดีนสูง ได้แก่ พืชผักและสัตว์จากทะเลทุกชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา สาหร่ายทะเล เป็นต้น
ความสำคัญของไอโอดีน
ไอโอดีนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นแร่ธาตุส่าคัญในการสร้างไธรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาทางสติปัญญา ร่างกาย และควบคุมระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกาย แม้ก่อนที่เด็กทารกจะเกิด สมองของเด็กก็จำเป็นที่จะต้องได้รับไอโอดีนเพื่อพัฒนาเครือข่ายของระบบเซลประสาท ให้สามารถเชื่อมโยงได้อย่างหนาแน่น หากปราศจากสารไอโอดีนอย่างเพียงพอ การเชื่อมโยงของระบบประสาทจะไม่หนาแน่น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความสามารถทางสติปัญญาของเด็กไปตลอดชีวิตได้ ระดับสติปัญญา (ไอคิว) โดยเฉลี่ยในกลุ่มประชากรที่ได้รับสารไอโอดีนอย่างไม่เพียงพอ อาจต่ำกว่าประชากรที่ได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอได้ถึง 10 -15 จุด
ผลกระทบของการขาดไอโอดีน
โรคขาดสารไอโอดีนเคยถูกมองว่าเป็นปัญหาทางด้านร่างกายเท่านั้น เพราะเพียงแต่ท่าให้ต่อมไธรอยด์โต (โรคคอพอก) แต่ปัจจุบันโรคขาดสารไอโอดีนได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุที่ท่าให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาทมากที่สุด จากภาวะการขาดสารไอโอดีนทั้งหมด นับตั้งแต่พัฒนาการทางสมองและร่างกายต่ำ โรคเอ๋อ และโรคคอพอก การขาดสารไอโอดีนเพียงเล็กน้อยในกลุ่ม ประชากรทั่วไปอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการเรียนรู้และระดับสติปัญญาของมนุษย์ (ไอคิว) ที่อาจถดถอยอย่างรุนแรงได้ การขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์จะท่าให้ตัวอ่อนมีพัฒนาการช้า ทั้งยังอาจทำให้เกิดการแท้ง ทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และปัญหาอื่นๆ นอกจากนั้นผลกระทบของโรคขาดสารไอโอดีนยังท่าให้เกิด โรคเอ๋อ ผลการเรียนไม่ดี สติปัญญาต่ำ ส่าหรับในผู้ใหญ่จะท่าให้ทำงานได้น้อยกว่าที่ควร
ปริมาณไอโอดีนที่ร่างกายต้องการ
โดยปกติร่างกายคนเราต้องการสารไอโอดีน รวมกันแล้วไม่เกิน 1 ช้อนชา หรือเฉลี่ยแล้ว ในวันหนึ่งๆ ร่างกายต้องการสารไอโอดีนเพียงแค่ 150 ไมโครกรัม/คน/วันเท่านั้น แต่ก็ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว เพราะร่างกาย ไม่สามารถสะสมไว้ได้ จึงจ่าเป็นต้องกินอาหารที่มีสารไอโอดีนทุกวัน สารไอโอดีนบางส่วนจะถูกน่าไปใช้ในการ สร้างฮอร์โมนส่าหรับการเติบโตของร่างกายและสมอง ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกจากร่างกาย
หลักการชุดทดสอบ
เพื่อเสริมมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า เกลือเสริมไอโอดีนทั่วประเทศต้องได้มาตรฐาน คือมีไอโอดีน 20 – 40 ppm ชุดทดสอบไอโอดีนในเกลือบริโภค ไอคิท ( I -Kit) เป็นชุดทดสอบที่สามารถบอกปริมาณไอโอดีนในเกลือได้ถึง ระดับ 0 -50 ppm ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดอายุการใช้งาน 18 เดือน ชุดทดสอบนี้เป็นน้ำยาขวดเดียว และมีอุปกรณ์ประกอบคือ แถบสีเปรียบเทียบเพื่อ การอ่านปริมาณไอโอดีน แผ่นพลาสติกสำหรับผสมเกลือกับน้ำยา และช้อนที่ตวงเกลือตามปริมาณที่ก่าหนด
ประโยชน์ของชุดทดสอบ
ชุดทดสอบไอโอดีนในเกลือบริโภค ไอคิท ( I -Kit) สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเกลือได้ผสมกับไอโอดีนอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ และบอกว่าเกลือเสริมไอโอดีนนั้น มีไอโอดีนตามมาตรฐานหรือไม่ เมื่อหยดน้ำยาบนเกลือที่มีไอโอเดทจะเกิดเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งความเข้มของสีจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณไอโอเดท โดยมีหน่วยเป็นพีพีเอม (ส่วนในล้านส่วน) และสีที่เกิดขึ้นนี้จะมีความคงทนไม่ต่ำกว่าชั่วโมงไม่จางหายไป ทำให้ใช้วัดปริมาณไอโอเดท โดยเทียบกับสีจากแผ่นสีมาตรฐานที่มากับชุดทดสอบได้อย่างแม่นย่า
ใครบ้างควรใช้ชุดทดสอบ
ผู้ผลิต ได้แก่ บุคลากรจากโรงงาน/แหล่งผลิตเกลือ เสริมไอโอดีน สามารถใช้ I -KIT ควบคุมคุณภาพเกลือก่อนบรรจุ โดยสุ่มตัวอย่างเกลือที่ผสมกับไอโอดีนตามจุดต่างๆ ของเกลือที่ออกจากเครื่องผสม และวัดปริมาณไอโอดีนโดยใช้น้ำยาจากชุดทดสอบ หยดลงบนเกลือ ดูสีที่เกิดขึ้นเทียบกับแถบสีข้างกล่อง จะทราบได้ทันที ว่าเกลือนั้นมีไอโอดีนตามมาตรฐานหรือไม่ และเกลือที่ออกจากเครื่องผสมนั้นได้ผสมอย่างสม่ำเสมอหรือไม่
ผู้ควบคุมคุณภาพ ได้แก่ บุคลากรของกระทรวง สาธารณสุขในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะมีเครื่องมือตรวจสอบ เกลือในท้องตลาด ว่าแต่ละยี่ห้อได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่
ผู้บริโภคปลายทาง ได้แก่ อาสาสมัครหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครูโรงเรียน นักเรียน ผู้นำชุมชน และ ประชาชนทั่วไป สามารถใช้ I -KIT ตรวจสอบคุณภาพเกลือที่ซื้อมา บริโภค ความตื่นตัวในการเลือกใช้เฉพาะเกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคจะผลักดันให้เกิดกลไกทางการตลาดในการควบคุมผู้ผลิตเกลือให้ปรับปรุงคุณภาพ สินค้าของตนให้ได้มาตรฐาน จำนวนตัวอย่างชุดทดสอบ ชุดทดสอบไอโอดีนในเกลือบริโภค ไอคิท ( I -Kit) ทดสอบได้มากที่สุดประมาณ 80 ตัวอย่าง/กล่อง
การเก็บรักษาชุดทดสอบ
ชุดทดสอบไอโอดีนในเกลือบริโภคไอคิท ( I -Kit) เก็บรักษาที่อุณภูมิห้องโดยเก็บให้พ้นแสง ซึ่งมีอายุการใช้งาน 18 เดือน
ขั้นตอนการใช้ชุดทดสอบ
1.ตักเกลือ 1 ช้อนเทลงบนแผ่นพลาสติก
2.เทน้ำยา 3 หยดลงบนเกลือ
3.คนให้เป็นวงเท่าเหรียญบาท
4.เทียบสีกับแถบสีข้างกล่อง